Back to photostream

heel soother (4)

พึ่งรู้ ว่านอนผิดวิธีมาทั้งชีวิต

การเลือก ท่านอน ฟูก หมอน เตียง ที่ดีที่สุดสำหรับผู้มีอาการปวดหลัง

เนื่องจากมีผู้ถามกันมากเกี่ยวกับการเลือกที่นอนหมอนเตียงอย่างไรเพื่อแก้หรือบรรเทาอาการปวดหลัง วันนี้ก็จะขอลงบทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญที่เรามักจะมองข้ามทุกคืนเรื่องนี้เพื่อเป็นทั้งการป้องกันและบำบัดรักษากระดูกสันหลังที่สร้างปัญหาให้กับสุขภาพของทุกๆท่านเพื่อรับมือกับทุกข์คือความเสื่อมความชราของสังขารทั้งหลายให้หนักเป็นเบาลงนะครับ

ทุกคนเมื่อย่างเข้าสู่วัยกลางคน มักจะประสบปัญหาเรื่อง “ปวดหลัง” ตรงบั้นเอวเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่มักหายไปเองโดยการนอนพักหรือรับประทานยาแก้ปวด มีส่วนน้อยที่มีอาการปวดเรื้อรังหรือมากขึ้นจนทนไม่ไหวต้องไปให้แพทย์ตรวจรักษา ที่จริง “ปวดหลัง” เป็นเพียงอาการไม่ใช่โรค แล้วแต่สาเหตุว่ามาจากอะไร

อาการปวดหลัง อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท

1. ปวดเฉพาะบริเวณสันหลังเพียงอย่างเดียว อาจมีสาเหตุ

- การอักเสบติดเชื้อในกระดูกสันหลัง ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจทำให้หลังค่อม หรือเป็นอัมพาตได้

- การอักเสบของกล้ามเนื้อจากการทำงานในลักษณะท่าผิดปกติ หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

- จากเนื้องอกของกระดูกสันหลัง หรือไขสันหลัง

- การเสื่อมตามวัยของกระดูกข้อต่อ และหมอนรองกระดูกสันหลัง

2. ปวดสันหลังและเสียวร้าวไปที่อื่น เช่น สะโพก ขาข้างหนึ่งข้างใด หรือ 2 ข้าง เกิดเนื่องจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังข้อต่อเลยทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท ในรายที่เป็นมากจะมีอาการชาและอ่อนแรงในขา ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เดินตัวเอียง หลังคดและก้มหลังไม่ได้เลย

3. ปวดสันหลังจากอวัยวะหรือโรคอื่น โรคที่ทำให้ปวดหลังได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่ กระเพาะอาหารอักเสบ โรคไต โรคเกี่ยวกับสตรี บางชนิด

การแก้ไขและการป้องกันอาการปวดหลัง

สาเหตุอาการปวดหลัง มีได้มากมายหลายอย่าง การหลงรักษาอย่างผิดนอกจากโรคไม่หายแล้ว ยังสิ้นเปลืองทั้งเวลาและเงินทอง บางรายยังเกิดโทษรุนแรง มีอันตรายจนถึงขั้นพิการหรือถึงแก่ชีวิตก็มี ฉะนั้นเมื่อมีอาการปวดหลังขึ้นครั้งใด ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

อิริยาบถในชีวิตประจำวันมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มความเสี่ยงในอาการปวดหลังดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะท่านอน ฟูก หมอน และเตียงเป็นสิ่งที่เราต้องหย่อนตัวหรือฝากร่างกายไว้กับมันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงทุกคืน หากสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กระทำอย่างถูกต้องเหมาะสมกับร่างกายของเราก็จะบังเกิดโทษหรือทำร้ายกระดูกสันหลังเราโดยไม่รู้ตัว

การนอนและท่านอนสำคัญอย่างไร

การนอนจึงเป็นท่าที่กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย และเป็นช่วงที่อวัยวะต่าง ๆ ทำการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างสารต่าง ๆ ที่ถูกใช้หมดไปกลับคืนมาเตรียมตัวที่จะทำงานใหม่เมื่อตื่นนอน ในยามนอนหลับ สมองจะสร้างสารสื่อและสารช่วยความจำ ระบบภูมิคุ้มกันจะสร้างสารภูมิคุ้มกัน ระบบต่อมไร้ท่อจะสร้างฮอร์โมน การนอนจึงมีความสำคัญมากต่อการดำรงชีวิตที่มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ในกรณีที่นอนไม่หลับตลอดคืน หรือถูกปลุกให้ตื่นตลอดเวลา ไม่ช้าไม่นานคน ๆ นั้นจะมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ กล้ามเนื้อจะปวดเมื่อย เกร็งแข็ง และกินอาหารไม่ได้

ประมาณ ๗ % ของอาการนอนไม่หลับมาจากที่นอนที่ไม่สบาย ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง คอ ไหล่ ข้อมือ จากการทำงานมักจะมีอาการปวดระหว่างนอนทำให้นอนไม่หลับบ่อยๆ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษายืนยันว่าที่นอนเป็นสาเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรัง แต่การปรับเปลี่ยนที่นอนอาจช่วยลดอาการปวดหลังได้

ท่านอนมีกี่แบบ แบบไหนจะดีที่สุด

ท่านอน ถือเป็นท่าที่หมอนรองกระดูกสันหลังรับแรงน้อยที่สุด ดังนั้นท่านอนจึงเป็นท่าพักผ่อนที่ดีที่สุด บางคนเมื่อศีรษะถึงหมอนก็หลับสบายจนถึงเช้า อาจไม่สนใจว่าตนเองจะนอนท่าไหน รู้ตัวอีกทีตื่นมาตอนเช้าพบว่าเกิดอาการปวดหลัง หรือหันหน้าซ้ายขวาไม่ได้เลย จนต้องรีบไปหาหมอ

1.ท่านอนหงาย

การนอนหงายนั้นน้ำหนักตัวเราจะกระจายไปทั้งแผ่นหลัง ไม่มีการกดทับที่ใดเป็นพิเศษ กระดูกสันหลังก็อยู่ในแนวตรง ไม่มีการบิดเบี้ยว การนอนหงายที่ถูกต้องควรมีหมอนหนุนใต้ข้อเข่า ให้ข้อสะโพกงอเล็กน้อย ท่านี้ถือว่าเป็นท่านอนที่เหมาะ หรือเป็นท่าที่ลดแรงกดของหลังได้ดี

คนทั่วไปนิยมนอนท่านี้ เพราะเป็นท่านอนมาตรฐาน เมื่อนอนหงายกระดูกสันหลังอยู่ในแนวธรรมชาติ ลดแรงกดทับบนร่างกายและระบบประสาท ทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนเต็มที่ ระบบทางเดินหายใจและการไหลเวียนโลหิตสามารถไหลเวียนได้ดี การนอนหงายที่เหมาะสมควรใช้หมอนต่ำ และต้นคอควรอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว เพื่อไม่ให้ปวดคอ แต่ถ้าหนุนหมอนสักสองสามใบ คอจะก้มโน้มมาข้างหน้า ทำให้เกิดอาการปวดคอได้ และยังไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน เพราะจะเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้องให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีอาการปวดหลัง การนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นด้วย

สำหรับผู้ป่วยที่ควรหลีกเลี่ยงการนอนหงายได้แก่

1.ผู้ป่วยโรคปอดไม่เหมาะที่จะนอนท่านอนหงาย เพราะทำให้กล้ามเนื้อกระบังลมที่คั่นระหว่างช่องอกและช่องท้องกดทับเนื้อปอดเป็นเหตุให้หายใจลำบาก แต่สามารถแก้ไขได้ โดยการยกส่วนบนของร่างกายให้สูงขึ้นในลักษณะครึ่งนอนครึ่งนั่ง อาจจะใช้หมอน 2 - 3 ใบวางหนุนรองหลังไว้หรือยกพื้นเตียงส่วนบนให้สูงขึ้นพอประมาณ

2.ผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายจะมีอาการนอนราบไม่ได้ ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถสูบฉีดโลหิตออกจากห้องหัวใจได้ก่อให้เกิดอาการหอบและหายใจติดขัด ผู้ป่วยโรคหัวใจจึงมักต้องลุกขึ้นนั่งหรือยืนตอนกลางคืนเพื่อที่จะหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

3.ผู้ที่มีอาการปวดหลัง การนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้น เวลานอนควรใช้หมอนหนุนรองใต้โคนขาหรือวางพาดขาทั้งสองไว้บนเตียงนอน รวมทั้งควรออกกำลังกายเป็นประจำวันละ 10 - 15 นาที เพื่อช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลังลดการเกร็งตัวและบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี

2.ท่านอนตะแคงขวา

เป็นท่านอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับท่าอื่น โดยเฉพาะหากได้งอเข่าข้างหนึ่ง และมีหมอนข้างกอดไว้ หรือจะงอเข่าทั้งสองข้างก็ได้ สำหรับหมอนที่ใช้หนุนในท่านี้ควรมีความหนามากพอที่จะให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว หากใช้หมอนเตี้ยเกินไป ศีรษะจะเอียงลงหรือหาหมอนที่มีความสูงเท่าหรือใกล้เคียงกับระยะจากระดับด้านข้างของศีรษะไปถึงแนวระดับไหล่ เมื่อหนุนแล้ว จึงทำให้แนวของกระดูกสันหลังส่วนคออยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนอกและส่วนเอว

ท่านอนตะแคงขวาจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก และอาหารจากกระเพาะอาหารจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทำให้ไม่คั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานเกินไป และเป็นท่านอนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้ ท่านอนตะแคงทั้งตะแคงซ้ายและขวาช่วยลดเสียงกรนได้ ในผู้ที่กรนเกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ลิ้นไก่ยาว โคนลิ้นหนา ต่อมทอนซิลโตมาก หรือโพรงจมูกอุดตัน

3.ท่านอนตะแคงซ้าย เป็นท่าที่ช่วยลดอาการปวดหลังได้แต่ควรกอดหมอนข้าง และพาดขาไว้เพื่อป้องกันอาการชาที่ขาซ้าย จากการนอนทับเป็นเวลานาน และข้อเสีย คือทำให้หัวใจซึ่งอยู่ด้านซ้ายทำงานลำบากขึ้น และอาหารในกระเพาะที่ยังย่อยไม่หมดตั้งแต่ก่อนเข้านอนจะคั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดลมจุกเสียดที่บริเวณลิ้นปี่ และอาจรู้สึกชาที่ขาซ้ายหากนอนทับเป็นเวลานาน หรือถ้าหนุนหมอนต่ำเกินไปจะทำให้ปวดต้นคอได้ แก้ไขโดยใช้หมอนสี่เหลี่ยมที่มีความสูงเท่าความกว้างของบ่าซ้ายหนุนนอน หรือใช้ “หมอนลักยิ้ม” หนุนนอน เนื่องจากมีเนื้อหมอนสองข้างสูง ทำให้ศีรษะและไหล่อยู่ในแนวเดียวกัน

4.ท่านอนคว่ำ

เป็นท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะการนอนคว่ำนั้นจะทำให้กระดูกสันหลังส่วนเอวโค้งไปทางด้านหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ เวลาเรานอนคว่ำก็ต้องตะแคงหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะทำให้กระดูกต้นคอบิดไปด้วย

ท่านอนคว่ำจะทำให้หายใจติดขัด โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีเต้านมใหญ่หรือสำหรับผู้ชาย การนอนคว่ำก็อาจทำให้อวัยวะเพศถูกทับอยู่ตลอดเวลา จนเกิดอาการชาของอวัยวะเพศได้ ทำให้อวัยวะภายในอย่างตับไตไส้พุงถูกกดทับทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องทางเดินระบบหายใจจะแย่มากๆ แต่ถ้าคิดว่าชีวิตนี้เลิกนอนคว่ำไม่ได้จริงๆละก็ให้หาหมอนมารองใต้สะโพก เพื่อลดแรงกดทับที่หลังส่วนด้านล่าง และทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลัง หรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นเวลานาน ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอโดยเฉพาะถ้าต้องการอ่านหนังสือในท่านอนคว่ำ ทั้งนี้เพื่อช่วยไม่ให้เมื่อยกล้ามเนื้อคอ และไม่มีอาการปวดคอ นอกจากนี้ ความเชื่อแต่โบราณที่เคยเข้าใจว่า ทารกควรให้นอนคว่ำรูปหัวจะทุยสวย ไม่แบน แต่ปัจจุบันพบว่าจริงๆ แล้วอาจเกิดผลเสียได้ ทารกมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากหายใจไม่ออกจากการที่จมูกหรือปากถูกทับไว้

5. ท่านอนคุดคู้

นพ.พูนศักดิ์ อาจอำนวยวิภาส บอกว่า เป็นท่าที่ทำร้ายกระดูกสันหลังของเรามาก และอาจทำให้มีอาการปวดหลังได้มากที่สุดด้วย เนื่องจากการนอนแบบคุดคู้จะต้องก้มศีรษะ โก่งหลัง งอสะโพก งอเข่า การก้มคอทำให้กล้ามเนื้อคอตึงตลอดเวลา ทำให้เกิดการอักเสบอันนำมาซึ่งอาการปวดคอ นอกจากนี้กระดูกคอก็ยังงออีกด้วย ทำให้เพิ่มแรงดันภายในหมอนรองกระดูก และมีผลทำให้เกิดภาวะหมอนรองกระดูกอักเสบได้ หากนอนท่านี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ และในที่สุดอาจก่อให้เกิดปัญหาหมอนรองกระดูกคอเคลื่อน

ไม่ควรนอนอ่านหนังสือ (นอนคว่ำและนอนหงาย) และนอนดูโทรทัศน์

ด้วยความปราถนาดีจาก heesoother.blogspot.com/ และ www.heelsoother.com

อ้างอิงจาก เชียงใหม่ นวดจัดกระดูก

2,525 views
1 fave
0 comments
Uploaded on December 8, 2014